ศักยภาพการส่งออกแป้งมันสำปะหลังในตลาดญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีความต้องการใช้แป้งประมาณปีละ 3.0 – 3.2 ล้านตัน โดยสามารถผลิตแป้งจากมันฝรั่งและมันเทศได้ประมาณ 3 แสนตันหรือร้อยละ 9 ของความต้องการใช้ทั้งหมด และนำเข้าเมล็ดข้าวโพดเพื่อผลิตแป้งอีกประมาณร้อยละ 74 ที่เหลือเป็นการนำเข้าในรูปแป้งทั้งแป้งดิบและแป้งแปรรูป โดยมีความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในรูป corn syrup, glucose syrup, maltodextrin ประมาณร้อยละ 57 ใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษประมาณร้อยละ 16-20 ที่เหลือเป็นการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและอื่นๆ
สำหรับการนำเข้า ญี่ปุ่นนำเข้าแป้งดิบและแป้งแปรรูปปีละ 4.0 - 4.5 แสนตัน โดยนำเข้าจากไทยมากกว่าร้อยละ 60 ของแป้งนำเข้าทั้งหมด ในปี 2550 นำเข้าแป้งดิบจากไทย 138,000 ตัน ซึ่งผู้นำเข้าแป้งดิบจะได้รับการจัดสรรโควตานำเข้าโดยไม่เสียภาษีนำเข้า แต่ต้องรับซื้อแป้งมันฝรั่งและมันเทศที่ผลิตในประเทศ รวมถึงจ่ายภาษีเพิ่มเติม(levy) ที่คำนวณจากส่วนต่างของค่าเฉลี่ยของราคาแป้งนำเข้าและแป้งในประเทศ สำหรับแป้งแปรรูป ตามความตกลง JTEPA ไทยได้รับโควตาจำนวน 200,000 ตัน โดยไม่เสียภาษี ซึ่งในปี 2550 นำเข้าแป้งแปรรูปจากไทย ถึง 240,000 ตัน ส่วนที่เกินโควตาต้องเสียภาษีร้อยละ 6.8
คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ความต้องการแป้งของญี่ปุ่นยังทรงตัวอยู่ในระดับ 3.400 ล้านตัน ขณะที่ราคาข้าวโพดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกในปีนี้ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบข้าวโพดของญี่ปุ่นเกิดภาวะขาดแคลน จากการนำข้าวโพดไปใช้เป็นวัตถุดิบพลังงานทดแทนจำนวนมาก ขณะที่การผลิตขยายตัวได้ไม่ทันกับความต้องการ โดยที่การขยายตัวของการใช้แป้งแปรรูปในอุตสาหกรรมเบเกอร์รี่และอาหารแช่เย็นแช่แข็งเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจ และปัจจุบันผู้บริโภคญี่ปุ่นต้องการอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติดี ทั้งนี้อุตสาหกรรมอาหารใช้แป้งแปรรูปจากมันสำปะหลังทำให้อาหารมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิตและทำให้อายุสินค้า(Shelf life)ยาวนานขึ้น โดยแป้งมันสำปะหลังมีคุณสมบัติที่ดีกว่าแป้งชนิดอื่นคือ ปราศจากสีและกลิ่น มีความบริสุทธิ์สูง มีความเหนียวและคงทนต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้เป็นโอกาสทองของไทยในการขยายตลาดแป้งมัน
เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไทยในตลาดญี่ปุ่นให้มากขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศ และประโยชน์แก่เกษตรกร จำเป็นต้องดำเนินการ พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแป้งมันให้เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ พัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสมเพื่อการผลิตแป้ง การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตต่อไร่มันสำปะหลังให้สูงขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันด้านราคากับแป้งข้าวโพดได้ การประชาสัมพันธ์ประโยชน์ของการใช้แป้งมันไทย(Application)ในอุตสาหกรรมอาหาร และการเจรจาและผลักดันให้มีการขยายโควตานำเข้าเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น
จุดแข็ง
ประเทศไทยผลิตมันสำปะหลังสดเป็นหลัก
เป็นสินค้าจำเป็น และได้รับการยอมรับด้านคุณภาพ
จุดอ่อน
คุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย
โอกาส
การผลิตขยายตัวได้ไม่ทันกับความต้องการ โดยที่การขยายตัวของการใช้แป้งแปรรูปในอุตสาหกรรมเบเกอรี่และอาหารแช่เย็นแช่แข็งเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจ และปัจจุบันผู้บริโภคญี่ปุ่นต้องการอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติดี ทั้งนี้อุตสาหกรรมอาหารใช้แป้งแปรรูปจากมันสำปะหลังทำให้อาหารมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิตและทำให้อายุสินค้า(Shelf life)ยาวนานขึ้น โดยแป้งมันสำปะหลังมีคุณสมบัติที่ดีกว่าแป้งชนิดอื่นคือ ปราศจากสีและกลิ่น มีความบริสุทธิ์สูง มีความเหนียวและคงทนต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้เป็นโอกาสทองของไทยในการขยายตลาดแป้งมัน
อุปสรรค
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในญี่ปุ่น
Good, but redo the SWOT.
ตอบลบเนื้อหาน่าสนใจรูปแบบสวยงามมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบ